วันที่ 5 พฤษภาคม 2568 กลายเป็นหมุดหมายสำคัญของวงการเทคโนโลยี เมื่อ Microsoft ประกาศยุติการให้บริการ Skype อย่างเป็นทางการ ปิดตำนานแพลตฟอร์มสื่อสารออนไลน์ที่เคยเปลี่ยนวิธีพูดคุยของผู้คนทั่วโลก โดยหลังจากนี้ ผู้ใช้งานจะต้องปรับตัวเข้าสู่ Microsoft Teams หรือแพลตฟอร์มอื่นแทน ท่ามกลางยุคที่การสื่อสารต้องผสานเข้ากับการทำงานแบบครบวงจร
เหตุผลที่ Skype ต้องยุติ พร้อมผลกระทบที่ตามมา
แม้ Skype จะเคยรุ่งเรือง แต่ช่วงหลัง Microsoft หันมาโฟกัสการพัฒนา Microsoft Teams อย่างชัดเจน เพื่อรองรับการทำงานร่วมกันในระดับองค์กรและผู้ใช้งานทั่วไปที่ต้องการแพลตฟอร์มแบบครบวงจร ซึ่งนับว่ามีคุณสมบัติเหนือกว่า Skype หลายด้าน ทั้งด้านความปลอดภัย ประสิทธิภาพ และการผสานกับ Microsoft 365
ผลกระทบหลักจากการปิด Skype มีดังนี้:
- ไม่สามารถเข้าใช้งานได้อีก: ผู้ใช้งานจะไม่สามารถโทร, วิดีโอคอล, แชท หรือแชร์ไฟล์ผ่าน Skype ได้
- ย้ายไปใช้แพลตฟอร์มอื่น: Microsoft แนะนำให้ใช้ Teams แทน ขณะที่ผู้ใช้บางส่วนอาจหันไปใช้ Zoom, Google Meet หรือ WhatsApp
- ดาวน์โหลดข้อมูลได้ถึง ม.ค. 2569: ผู้ใช้งานที่ต้องการเก็บข้อมูลแชทหรือรายชื่อผู้ติดต่อ ต้องดาวน์โหลดเก็บไว้ก่อนกำหนด
- บริการโทรศัพท์หยุดลง: บริการ Skype Credit และหมายเลข Skype จะใช้งานไม่ได้อีกต่อไป
- ไม่มีสายเข้า: เบอร์ Skype ที่เคยลงทะเบียนไว้จะไม่สามารถรับสายได้อีก
Microsoft Teams: ทายาทที่พร้อมสานต่อภารกิจการสื่อสาร
Microsoft ไม่ได้ทิ้งผู้ใช้งานไว้กลางทาง แต่ผลักดันให้ Teams ก้าวเข้ามาแทน ด้วยความสามารถที่ตอบโจทย์ยุคใหม่:
- ประชุมออนไลน์ทรงพลัง รองรับผู้เข้าร่วมจำนวนมาก พร้อมฟีเจอร์แชร์หน้าจอและบันทึกการประชุม
- แชทและจัดการทีมได้ยืดหยุ่น สนทนาแบบกลุ่ม แบ่งช่องทางเฉพาะงานได้ตามต้องการ
- ทำงานร่วมกันแบบเรียลไทม์ บนไฟล์ Word, Excel, PowerPoint ผ่าน Microsoft 365
- เชื่อมต่อกับแอปภายนอก เช่น Trello, Adobe, Zoom ได้ในแอปเดียว
- ปลอดภัยระดับองค์กร พร้อมระบบจัดการสิทธิ์และข้อมูลแบบครบวงจร
สรุป Skype อำลา แต่การสื่อสารไม่สิ้นสุด
การยุติบริการ Skype ถือเป็นสัญญาณของยุคสมัยใหม่ที่เน้นการสื่อสารแบบครบวงจรและผสานกับการทำงาน ทีมและองค์กรควรเร่งปรับตัวให้ทันกับเทคโนโลยีใหม่ และเลือกใช้แพลตฟอร์มที่ตอบโจทย์ทั้งความสะดวก ความปลอดภัย และการทำงานร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพ